วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2562

ศิลปะกรีก (Greek)


ศิลปะกรีก (Greek)
ศิลปกรรมความเจริญด้านศิลปกรรมเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของอารยธรรมกรีกซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบของงานศิลปกรรมของโลก ส่วนใหญ่เป็นงานสร้างสรรค์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความศรัทธาทางศาสนา โดยสร้างขึ้นเพื่อแสดงความเคารพบูชาและบวงสรวงเทพเจ้าของตน ผลงานที่ได้รับการยกย่องมีจำนวนมากที่สำคัญได้แก่ ด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม และศิลปะการแสดง
         ด้านสถาปัตยกรรม
ชาวเอเธนส์ได้สร้างสรรค์งานด้านสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นให้แก่ชาวโลกจำนวนมากส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างอาคารเพื่อกิจกรรมสาธารณะ เช่น วิหาร สนามกีฬา และโรงละคร ความโดดเด่นของงานสถาปัตยกรรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับความใหญ่โตของสิ่งก่อสร้าง แต่เป็นความงดงามของสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ ตัวอย่างเช่น วิหารพาร์เทนอน (Parthenon) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาอะโครโพลิส (Acropolis) เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีสัดส่วนงดงามทั้งความยาว ความกว้างและความสูง จัดว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของโลก

สถาปัตยกรรมใช้ระบบโครงสร้างแบบเสาและ คานเช่นเดียวกับอียิปต์มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าจากฐานอาคารซึ่งยก เป็นชั้น ๆ ก็จะเป็นฝาผนังโดยปราศจากหน้าต่างซึ่งจะกั้นเป็นห้องต่าง ๆ 1- 3 ห้องปกติสถาปนิกจะสร้างเสารายล้อมรอบอาคารหรือสนามด้วยมีการสลับช่วงเสากัน อย่างมีจังหวะระหว่างเสากับช่องว่างระหว่างเสาทำให้พื้นภายนอกรอบ ๆ วิหารมี ความสว่างและมีรูปทรงเปิดมากกว่าสถาปัตยกรรมอียิปต์และมีขนาดเหมาะสมไม่ใหญ่ โตจนเกินไปมีรูปทรงเรียบง่าย สถาปัตยกรรมกรีกแบบพื้นฐาน 2 ใน 3 แบบเกิดในสมัยอาร์คาอิกคือแบบดอริกและแบบไอโอ นิกซึ่งแบบหลังพบแพร่หลายทั่วไปในแถบเอเชียไมเนอร์เสาเหล่านี้แต่ละต้นจะมี คานพาดหัวเสาถึงกันหมดในสมัยต่อมาเกิดสถาปัตยกรรมอีแบบหนึ่งคือแบบโครินเธียนหัวเสาจะมีลายรูปใบไม้ชาวกรีกนิยมสร้างอาคารโดยใช้สถาปัตยกรรมทั้งสามชนิดนี้ผสมผสานกันโดยมีการตกแต่งประดับประดาด้วยการแกะสลักลวดลายประกอบบางทีก็แกะสลักรูปคนประกอบไปด้วยนอกจากนี้ยังมีการใช้สีระบายตกแต่งโดยสี น้ำเงินได้รับความนิยมใช้ระบายฉากหลังรูปลวดลายที่หน้าจั่วและสีแดงใช้ระบาย ฉากหลังสำหรับประติมากรรมที่หัวเสาและลายคิ้วคาน กรีกนิยมใช้สัดส่วนทองในงานสถาปัตยกรรม และงานสถาปัตยกรรมของกรีกจะเกี่ยวเนื่องกับงานสาธารณชน มีลักษณะเรียบง่าย นิยมประตูเดียว มีเสาเป็นแถวอยู่ภายนอก มีห้องเดียวหรือสองห้อง มีการสร้างโคลอสเซียมและวิหารจำนวนมาก โดยมีลักษณะสำคัญที่ “หัวเสา” ที่บ่งบอกได้ถึงสมัยของสถาปัตยกรรมในกรีก มี 3 แบบ ดังนี้
ดอริก เป็นแบบที่เรียบง่าย มั่นคง แข็งแรง เป็นแบบที่แพร่หลายมากที่สุด และเก่าแก่ที่สุด ลักษณะของเสาส่วนล่างจะใหญ่แล้วเรียวขึ้นเล็กน้อย ตามเสาจะแกะเป็นร่องลึกเว้า 20 ร่อง ตอนบนของเสา จะมีคิ้วที่โค้งออกมารองรับแผ่นหินสี่เหลี่ยมต่อจากนั้นจึงเป็นโครงสร้างจั่ว
ไอโอนิก เป็นแบบที่ให้ความรู้สึกอ่อนช้อย นุ่มนวล ตอนบนและตอนล่างของเสามีขนาดเท่ากัน มีร่องเว้า 20 ร่อง ระหว่างร่องมีแถบเรียงขั้นแต่ละร่องเว้า ตอนบนของเสา แกะสลักเป็นรูปก้นหอย ส่วนบนจะมีแผ่นหินสี่เหลี่ยมคั่นไว้เสาแบบไอโอนิกนี้มีขนาดเล็กกว่าเสาแบบดอริก และนิยมสร้างฐานทำให้รูปทรงระหงมากขึ้นต่างจากเสาแบบดอริกที่ไม่นิยมสร้างฐานรองรับ
คอรินเธียน ให้ความรู้สึกหรูหราฟุ่มเฟือย นิยมนำมาเป็นแบบอย่างในสมัยโรมัน ลักษณะหัวเสามีการตกแต่งโดยแกะเป็นรูปดอกไม้ใบไม้โดยดัดแปลงมาจากบอาคันธัส รูปร่างคล้ายผักกาด ทำเป็นใบซ้อนกันสองชั้นแล้วแต่งด้วยดอกไม้ ส่วนล่างของสาวมีฐานรองรับ

         ด้านประติมากรรม
ผลงานด้านประติมากรรมจัดว่าเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในงานศิลปกรรมของกรีก ประติมากรรมส่วนมากเป็นเรื่องศาสนาซึ่งสร้างถวายเทพเจ้าต่าง ๆ วัสดุที่นิยมใช้สร้างงานได้แก่ ทองแดงและดินเผาในสมัยต่อมานิยมสร้างจากสำริดและหินอ่อนเพิ่มขึ้นในสมัยแรกๆ รูปทรงยังมีลักษณะคล้ายรูปเรขาคณิตอยู่ต่อมาในสมัยอาร์คาอิก(200 ปีก่อนพ.ศ.)เริ่มมีลักษณะคล้ายกับมนุษย์มากขึ้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ เทพเจ้ารูปนักกีฬารูปวีรบุรุษรูปสัตว์ต่าง ๆ ในยุคหลังๆรูปทรงจะมีความเป็น มนุษย์มากขึ้น ลักษณะของสรีระกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นคล้ายมนุษย์ที่มีชีวิต ผลงานชิ้นเยี่ยมได้แก่ รูปปั้นเทพเจ้าอะทีนา ที่วิหารพาร์เทนอน และเทพเจ้าซุส ที่วิหารแห่งโอลิมเปีย แสดงท่าทางการเคลื่อนไหวที่สง่างามมีการขัดถูผิวหินให้เรียบดู คล้ายผิวมนุษย์มีลีลาที่เป็นไปตามธรรมชาติมากขึ้นทำให้ประติมากรรมกรีกจัด เป็นยุคคลาสสิคที่ให้ความรู้สึกในความงามที่เป็นความจริงตามธรรมชาตินั่นเอง

                                                               รูปปั้นเทพีอะเทน่า


รูปปั้นเทพซุส

          ด้านจิตรกรรม
จิตรกรรม รู้จักกันดีก็มีแต่ภาพวาดระบายสีตกแต่งผิวแจกันเท่านั้นที่ชาวกรีกนิยมทำมา จนถึงพุทธศตวรรษที่1เป็นภาพที่มีรูปร่างที่ถูกตัดทอนรูปจนใกล้เคียงกับรูป เรขาคณิตมีความเรียบง่ายและคมชัดสีที่ใช้ได้แก่สีดินคือเอาสีดำอมน้ำตาลผสม บาง ๆ ระบายสีเป็นภาพบนพื้นผิวแจกันที่เป็นดินสีน้ำตาลอมแดงแต่บางทีก็มีสีขาว และสีอื่น ๆ ร่วมด้วยเทคนิคการใช้รูปร่างสีดำระบายพื้นหลังเป็นสีแดงนี้เรียก ว่า”จิตรกรรมแบบรูปตัวดำ”และทำกันเรื่อยมาจนถึงสมัยพุทธศตวรรษที่1มีรูปแบบ ใหม่ขึ้นมาคือ”จิตรกรรมแบบรูปตัวแดง”โดยใช้สีดำอมน้ำตาลเป็นพื้นหลังภาพตัว รูปเป็นสีส้มแดงหรือสีน้ำตาลไม้ตามสีดินของพื้นแจกัน เช่น แจกัน คนโท ฯลฯ และจิตรกรรมฝาผนังที่พบในวิหารและกำแพง

ศิลปะการแสดง
ชาวกรีกได้คิดค้นศิลปะการแสดงประเภทต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นการจัดแสดงเพื่อเฉลิมฉลองพิธีบวงสรวงเทพเจ้าของตน เช่น ละครกลางแจ้งซึ่งเป็นต้นแบบของการแสดงละครในปัจจุบัน ดนตรีและการละเล่นอื่น ๆ

                         สรุปศิลปะสมัยกรีก



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น